รีวิว University of Newcastle

  •  
  •  
  •  
  •  
  •  
  •  

University of Newcastle ดีไหม

“University of Newcastle (คนละมหาวิทยาลัยกับ Newcastle University upon Tyne ใน UK)  เป็นมหาวิทยาลัยในเมือง Newcastle ห่างจาก Sydney ขึ้นไปทางเหนือ อยู่ในกลุ่มมหาวิทยาลัยที่มีอันดับภายในประเทศถัดจากกลุ่ม Group of Eight  University of Newcastle มีชื่อเสียงและทำผลงานได้ดีในด้านแพทยศาสตร์ วิทยาศาสตร์ด้านการแพทย์ และสถาปัตยกรรมศาสตร์   ได้รับเงินอุดหนุนด้านงานวิจัยจากรัฐบาลกลางออสเตรเลียและมีสัดส่วนของนักศึกษาทำวิจัยสูงเป็นอันดับที่ 11 ของประเทศ   มีวิทยาเขตหลักชื่อ Callaghan ที่ให้บรรยากาศแบบมหาวิทยาลัยออสซี่ท้องถิ่น  และหนึ่งในไฮไลท์ของที่นี่ก็คือ วิทยาเขต Newcastle City ที่มีศูนย์การเรียนรู้ใหม่ของมหาวิทยาลัยในชื่อ Newspace ที่ให้ความใหม่ ความสวยงาม และความทันสมัยกว่ามหาวิทยาลัยอื่นๆ ที่เราได้ไปสำรวจมา  และ University of Newcastle เป็นมหาวิทยาลัยหนึ่งเดียวในออสเตรเลียที่ Jack Ma เจ้าของอาลีบาบาให้การสนับสนุนจัดตั้งกองทุนด้านการศึกษา”

 

Judgement (มหาวิทยาลัยนี้ดีไหม)

University of Newcastle (คนละมหาวิทยาลัยกับ Newcastle University upon Tyne ใน UK) เป็นมหาวิทยาลัยที่มีอันดับภายในประเทศสูงรองจากกลุ่มมหาวิทยาลัย Group of Eight รวมถึงอันดับโลกที่ดี ได้รับการยอมรับจากทุกสถาบันจัดอันดับทั้ง Times, QS หรือแม้แต่ U.S. News & World Report  University of Newcastle มีบรรยากาศความเป็นมหาวิทยาลัยและวิทยาเขตที่ค่อนข้างลงตัว  วิทยาเขตหลัก Callaghan ให้บรรยากาศมหาวิทยาลัยแบบออสซี่ท้องถิ่น ขณะที่วิทยาเขต Newcastle City (ที่มี University House และ Newspace) เป็นศูนย์ของมหาวิทยาลัยให้ความใหม่และทันสมัยต่างจากทุกที่ๆ ที่ทางเราไปสำรวจมา  การเดินทางระหว่างสองวิทยาเขตนี้ก็สะดวกมากเพราะไปมาได้หลายวิธี  สาขาเปิดสอนที่มีชื่อเสียงมากที่สุดของ University of Newcastle ก็คือ แพทยศาสตร์และวิทยาศาสตร์ทางการแพทย์  โดยอันดับ medical school ของ University of Newcastle จะเป็นรองแค่ medical school ของมหาวิทยาลัยในกลุ่ม Group of Eight  รวมถึงสาขาวิชาอื่นๆ ที่ทำผลงานได้ดีเช่นกัน เช่น สถาปัตยกรรมศาสตร์ และวิศวกรรมโยธา

อย่างไรก็ตาม เมือง Newcastle เป็นเมืองที่ค่อนข้างเงียบและไม่คึกคัก ไม่มีสีสันเท่ากับเมืองอื่นในรัฐเดียวกันอย่าง Sydney  และการที่เมือง Newcastle ตั้งอยู่ห่างไกลจากเมืองหลักอย่าง Sydney ทำให้ University of Newcastle จะมีสัดส่วนของนักศึกษาท้องถิ่นค่อนข้างสูง และสัดส่วนนักศึกษาต่างชาติไม่สูงเท่ามหาวิทยาลัยใน Sydney

ทั้งนี้ เราชอบการแบ่งพื้นที่ของวิทยาเขตหลัก Callaghan เป็น Hunter และ Shortland ที่มีห้องสมุดและที่ hang out ของนักศึกษา ในแต่ซึกของมหาวิทยาลัยได้อย่างลงตัว  เรายังชอบ Newspace ของ University of Newcastle นี่คือไฮไลท์ของการไปเรียนที่นี่  เราเชื่อว่า ผู้บริหารของ University of Newcastle สามารถ leverage และใช้ประโยชน์จากความมีชื่อเสียงในประเทศและนานาชาติที่ดีอยู่แล้ว ให้ดีกว่าที่เป็นอยู่ปัจจุบัน   มาก  การมีกองทุน Ma & Morley ที่สนับสนุนจากเจ้าของอาลีบาบากรุ๊บ น่าจะช่วยโปรโมทภาพลักษณ์และความเป็นที่รู้จักในหมู่นักศึกษาต่างชาติได้ดียิ่งขึ้น

_____________________________________________________________________________

คะแนนรวมเฉลี่ย

การให้คะแนน โดยพิจารณาหัวข้อที่สำคัญ (คะแนนเต็ม 5) ให้น้ำหนักเท่ากันทุกหัวข้อ

  • ชื่อเสียงระดับโลก [3/5] – มี ranking โลกอยู่อันดับระหว่าง 201-250 ความเห็นของสถาบันจัดอันดับอย่าง Times และ QS เป็นไปในทิศทางเดียวกัน
  • ชื่อเสียงภายในประเทศ [4/5] – หลายปีที่ผ่านมา ranking ภายในประเทศของ University of Newcastle ถูกจัดให้อยู่ระหว่างอันดับที่ 9-14 จากทั้งหมด 38 มหาวิทยาลัยในออสเตรเลียที่เรานำมาวิเคราะห์โดยวิธี Quantitative Interviews และ Perceptual Mapping ถือว่าอยู่ในกลุ่มมหาวิทยาลัยที่มีอันดับภายในประเทศถัดจากกลุ่มมหาวิทยาลัย Group of Eight  กลุ่มมหาวิทยาลัยที่มีอันดับภายในประเทศใกล้เคียงกับ University of Newcastle ได้แก่ Macquarie University และ University of Technology Sydney
  • คะแนนแอดมิดชั่นที่รับ [2.5/5] – University of Newcastle กำหนดเกณฑ์การรับคะแนนแอดมิดชั่นระดับปริญญาตรีไม่สูง ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยของมหาวิทยาลัยทั้งประเทศ เนื่องจาก University of Newcastle เป็นมหาวิทยาลัยเดียวในเมือง นักศึกษาส่วนใหญ่จะเป็นคนท้องถิ่น  ทั้งนี้ University of Newcastle กำหนดเกณฑ์คะแนน ATAR ของกลุ่มวิชาวิทยาศาสตร์ค่อนข้างสูง ซึ่งสะท้อนถึงสาขาที่มีชื่อเสียงของ University of Newcastle ส่วนใหญ่เป็นกลุ่มวิชาทางสายวิทย์
  • งานวิจัย [3/5] – ปีล่าสุด University of Newcastle ได้รับการจัดสรรเงินสนับสนุนการทำวิจัยจากรัฐบาลกลางเป็นจำนวน 46.2 ล้านเหรียญออสเตรเลีย สูงเป็นอันดับที่ 11 ของประเทศ เป็นรองแค่ 8 มหาวิทยาลัยใน Group of Eight และอีก 2 มหาวิทยาลัย คือ Queensland University of Technology (QUT) และ University of Tasmania  ขณะที่ University of Newcastle มีสัดส่วนนักศึกษาทำวิจัยอยู่ที่ 4.96% สูงเป็นอันที่ 11 ของประเทศ เป็นรองแค่ 8 มหาวิทยาลัยใน Group of Eight และอีก 2 มหาวิทยาลัย คือ Queensland University of Technology (QUT) และ University of Wollongong  ถือเป็นหนึ่งในมหาวิทยาลัยของออสเตรเลียที่เป็น research intensive (มีความเข้มข้นเรื่องด้านวิจัย)
  • ความเก่าแก่ของมหาวิทยาลัยนับจากได้รับสถานะ [2.5/5] – ปี 1965 ได้รับสถานะเป็นมหาวิทยาลัย และเป็นมหาวิทยาลัยที่เก่าแก่เป็นอันดับที่ 13 ของประเทศออสเตรเลีย
  • ที่ตั้งวิทยาเขตหลักใกล้ CBD [4/5] – วิทยาเขตหลัก Callaghan อยู่ห่างจากใจกลางเมืองไปทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือ ประมาณ 10 กิโลเมตร  ที่ตั้งของมหาวิทยาลัยถือว่าไปมาสะดวก เนื่องจาก สามารถเดินทางได้ทั้งรถเมล์ (ไปลงด้านหน้าหรือภายในมหาวิทยาลัย) รถไฟ (ไปลงสถานี Warabrook อยู่ด้านหลังของมหาวิทยาลัย) และรถ shuttle bus ของมหาวิทยาลัย (ในช่วงเปิดภาคเรียน มีตั้งแต่ 7 โมงเช้าไปจนถึงเที่ยงคืน) ใช้เวลาเดินทางประมาณ 20-30 นาที ขณะที่วิทยาเขต Newcastle City ที่รวม University House และ Newspace ตั้งอยู่ใจกลางเมือง Newcastle
  • ระดับค่าเรียน [3/5] – ระดับค่าเรียนเฉลี่ยต่อปีของ University of Newcastle อยู่ใกล้เคียงกับค่าเฉลี่ยของระดับค่าเรียนเฉลี่ยต่อปีของทั้งประเทศ โดยระดับค่าเรียนเฉลี่ยต่อปีของ University of Newcastle จะใกล้เคียงกับอีก 4 มหาวิทยาลัย นั่นคือ Curtin University ในเมือง Perth, Deakin University, La Trobe University และ RMIT University ในเมือง Melbourne

คะแนนรวมเฉลี่ย [3.14/5]

หมายเหตุ: Methodology (ระเบียบวิธีคำนวณ) ถูกอธิบายไว้ในตอนท้ายของบทความ

_____________________________________________________________________________

จุดเด่น

  • University of Newcastle เป็นมหาวิทยาลัยอยู่ในกลุ่มที่ถัดจากกลุ่มมหาวิทยาลัย Group of Eight โดยทาง Uni-review.com ใช้วิเคราะห์โดยวิธี Quantitative Interviews และ Perceptual Mapping พบว่า ranking ภายในประเทศของ University of Newcastle อยู่ระหว่างอันดับที่ 9-14 จากทั้งหมด 38 มหาวิทยาลัยในออสเตรเลียที่เรานำมาวิเคราะห์
  • University of Newcastle เป็นหนึ่งในมหาวิทยาลัยของออสเตรเลียที่เป็น research intensive (มีความเข้มข้นเรื่องด้านวิจัย) โดยวัดจากการได้รับการจัดสรรเงินสนับสนุนการทำวิจัยจากรัฐบาลกลางออสเตรเลียสูงเป็นอันดับที่ 11 ของประเทศ เป็นรองแค่ 8 มหาวิทยาลัยใน Group of Eight และอีก 2 มหาวิทยาลัยนอกกลุ่ม Group of Eight
  • University of Newcastle มีสัดส่วนนักศึกษาทำวิจัยสูงเป็นอันที่ 11 ของประเทศเช่นกัน เป็นรองแค่ 8 มหาวิทยาลัยใน Group of Eight และอีก 2 มหาวิทยาลัยนอกกลุ่ม Group of Eight
  • สาขาแพทยศาสตร์ที่เปิดสอนที่ University of Newcastle มีชื่อเสียงมาก และอยู่ในอันดับที่เป็นรองแค่โรงเรียนแพทย์ของมหาวิทยาลัยใน Group of Eight วัดได้จากการจัดอันดับของ QS และ U.S. News & World Report (มหาวิทยาลัยนอกกลุ่ม Group of Eight ที่ทำอันดับ medical school ได้สูง คือ University of Newcastle และ Flinders University)
  • นอกเหนือจากสาขาแพทยศาสตร์  University of Newcastle ทำผลงานด้านวิทยาศาสตร์ทางการแพทย์ สถาปัตยกรรมศาสตร์ และวิศวกรรมโยธา ทำผลงานได้ดีเช่นกัน
  • เป็นมหาวิทยาลัยหนึ่งเดียวในออสเตรเลียที่ Jack Ma เจ้าของอาลีบาบาให้การสนับสนุนจัดตั้งกองทุนด้านการศึกษาชื่อ “The Ma & Morley Scholarship Program”
  • เราชอบทั้งสองวิทยาเขตของ University of Newcastle ในด้านการให้บรรยากาศที่แตกต่างกัน แต่ลงตัว โดยวิทยาเขตหลัก Callaghan จะเป็นวิทยาเขตที่มีต้นไม้แบบ bushland ภายในวิทยาเขตแบ่งเป็นส่วนของ hunter side และ shortland side ค่อนข้างลงตัว  ขณะที่วิทยาเขต Newcastle City ที่เป็นวิทยาเขตใจกลางเมือง มีศูนย์ของมหาวิทยาลัยที่สร้างใหม่ชื่อ Newspace ถือเป็นไฮไลท์ของการไปเรียนที่ University of Newcastle
  • Newspace ของ University of Newcastle ถือเป็นสถานที่ที่สวยงาม ทันสมัยมาก ทางเรามองว่า แนวทางการออกแบบจะคล้ายกับ RMIT University ในลักษณะของตึกที่ดูแปลกตา  มีบันไดเลื่อนที่ขึ้นไปชั้นบนของตึก แต่ที่เจ๋งกว่าของ RMIT University ก็คือ ตึก Newspace ของ University of Newcastle มีการออกแบบให้ใช้ประโยชน์จากแสงธรรมชาติได้อย่างลงตัว
  • การเดินทางระหว่างวิทยาเขตหลัก Callaghan กับ วิทยาเขต Newcastle City มีความสะดวกมาก  สามารถไปโดยรถเมล์ รถไฟ และรถ shuttle bus ของมหาวิทยาลัยในช่วงเปิดภาคเรียน
  • ในวิทยาเขตหลัก Callaghan มีห้องสมุด และ ที่ hang out ของนักศึกษา บุคลกรมหาวิทยาลัย อยู่ในทั้งสองซึกของมหาวิทยาลัย นั่นคือ ในฝั่ง Shortland จะมีห้องสมุด Auchmuty Library และ Godfrey Tanner Bar  ขณะที่ฝั่ง Hunter จะมี Huxley Library และ The Bar on the Hill

_____________________________________________________________________________

จุดอื่นๆ ที่ควรทราบ

  • อาคารเรียนภายในวิทยาเขตหลัก Callaghan จะดูไม่ค่อยทันสมัย และไม่น่าสวยงามน่าดึงดูด
  • พื้นที่สีเขียวภายในวิทยาเขตหลัก Callaghan จะเป็นลักษณะต้นไม้แบบ Bushland ที่จะดูค่อนข้างแห้งแล้ง  คล้ายๆ กับต้นไม้ ป่าแห้งๆ ที่อยู่ข้างวิทยาเขต Gold Coast และ Nathan ของ Griffith University
  • ที่ตั้งของมหาวิทยาลัยอยู่ในเมืองที่ตั้งอยู่ห่างจากเมืองหลักอย่าง Sydney ค่อนข้างไกล นั่งรถไฟประมาณ 3 ชั่วโมง
  • เมือง Newcastle เคยเป็นเมืองอุตสาหกรรมตั้งแต่สมัยสงครามโลก ตั้งแต่ทำให้จะดู University of Newcastle
  • เป็นมหาวิทยาลัยที่ทำการตลาดต่างประเทศค่อนข้างน้อย ไม่ค่อยได้รับความสนใจจากนักศึกษาต่างชาติมากเท่าที่ควรจะเป็น  ดูได้จากสัดส่วนนักศึกษาต่างชาติจะมีเพียง 15% ซึ่งเป็นเรื่องที่ทางผู้บริหารของมหาวิทยาลัยควรใช้ประโยชน์จากอันดับและชื่อเสียงภายในประเทศที่ดีอยู่แล้ว
  • เรามองว่าวิทยาเขตอื่นๆ ของ University of Newcastle นอกเหนือไปจากวิทยาเขตหลัก Callaghan และ Newcastle City แล้ว ยังถือว่าความสะดวกและความพร้อมยังเทียบกับสองวิทยาเขตในเมือง Newcastle ยังไม่ได้ เช่น Sydney Campus ของ Newcastle ขาดบรรยกาศความเป็นมหาวิทยาลัย หรือหากนับความสำเร็จของการเปิดวิทยาเขตย่อยในเมือง Sydney ยังถือว่าความสำเร็จห่างจากผู้นำที่ประสบความสำเร็จอย่างวิทยาเขต Sydney ของ University of Wollongong อีกเยอะ
  • เมือง Newcastle เป็นเมืองที่ไม่ค่อยมีสีสัน แต่ก็มีชายหาดของเมืองที่ไปพักผ่อนได้  รวมถึงสถานที่พักผ่อนในละแวกที่ไกลออกไป เช่น Hunter Valley และ suburb ทางตอนเหนือของรัฐ New South Wales  ทั้งนี้โดยรวมยังไม่มีสีสันและไม่คึกคักเท่าเมือง Sydney ที่มีหลายมหาวิทยาลัยตั้งอยู่ และได้รับความนิยมมากกว่า Newcastle

____________________________________________________________________________

ข้อมูลของมหาวิทยาลัย

University of Newcastle (ชื่อย่อ UON แต่หลายคนจะเรียก Newcastle) เป็นมหาวิทยาลัยรัฐที่ตั้งอยู่ในเมือง Newcastle (นิวคาสเซิ่ล) ทางตอนเหนือของรัฐ New South Wales (ห่างจาก Sydney ขึ้นไปทางเหนือประมาณ 160 กิโลเมตร การเดินทางจาก Sydney ให้นั่งรถไฟสาย Central Coast and Newcastle Line ใช้เวลา 3 ชั่วโมงก็จะถึงตัวเมือง Newcastle และสถานีรถไฟด้านหลังมหาวิทยาลัย) ก่อตั้งในปี 1965 (พ.ศ. 2508) เดิมเป็นวิทยาลัยย่อยของ New South  Wales Institute of Technology (NSWIT) (ซึ่งต่อมา NSWIT คือ University of New South Wales ในปัจจุบัน) ก่อนที่จะแยกตัวออกมาจาก NSWIT มาตั้งเป็น University of Newcastle

มีวิทยาเขตหลักชื่อ Callaghan (ชื่อเดียวกับเขตที่ตั้ง) อยู่ห่างจากย่านธุรกิจของเมืองประมาณ 12 กิโลเมตร มาทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือ สามารถเดินทางไปมาได้ภายใน 20-30 นาทีโดยรถประจำทาง และ shuttle bus ฟรีของมหาวิทยาลัยในช่วงเปิดเทอมวิ่งระหว่างใจกลางเมืองกับวิทยาเขต Callaghan ตั้งแต่ 8 โมงเช้าถึงเที่ยงคืน หรือเดินทางด้วยรถไฟไปลงสถานี Warabrook ด้านหลังของวิทยาเขตหลัก Callaghan   และ Newcastle มีวิทยาเขตในเมือง Newcastle City ประกอบไปด้วย University House และที่ปรับปรุงใหม่เรียกว่า Newspace อยู่ใจกลางเมือง ซึ่งมีความทันสมัยของห้องเรียน การสนับสนุนด้านการเรียน คณะที่เปิดสอนของมหาวิทยาลัยส่วนใหญ่จะอยู่ที่วิทยาเขตหลัก Callaghan ขณะที่ นิติศาสตร์ และหลายหลักสูตรของบริหารธุรกิจ หลักสูตรปริญญาโท รวมถึงด้านดนตรี จะใช้ห้องเรียนที่วิทยาเขต Newcastle City (University House & Newspace)    ในรีวิวนี้ทาง Uni-review.com จะให้น้ำหนักกับทั้งวิทยาเขตหลัก Callaghan และวิทยาเขตในใจกลางเมือง

นอกจากวิทยาเขตหลัก Callaghan และ แล้ว  ยังมีวิทยาเขต Newcastle City Precinct ที่อยู่บริเวณใจกลางเมือง เปิดสอนในสาขาธุรกิจ กฎหมาย และดนตรี  มหาวิทยาลัยมีวิทยาเขตอื่นๆ เช่น วิทยาเขต Central Coast, วิทยาเขต Port Macquarie, วิทยาเขต Coffs Harbour, วิทยาเขต Taree ที่กระจายอยู่ทางทิศเหนือของรัฐ New South Wales เช่นกัน, วิทยาเขต Sydney Campus ในตัวเมือง Sydney และวิทยาเขตในต่างประเทศ (ประเทศสิงคโปร์)

*จำนวนนักศึกษาทั้งหมดของมหาวิทยาลัย มีอยู่ประมาณ 34,600 คน มีสัดส่วนของนักเรียนต่างชาติประมาณ 14.85%

ปัจจุบัน มหาวิทยาลัยเป็นสมาชิกของ The Association to Advance Collegiate Schools of Business (AACSB International) หรือสมาคมเพื่อการพัฒนาวิทยาลัยบริหารธุรกิจ  และ Association of Commonwealth Universities (ACU) หรือกลุ่มมหาวิทยาลัยในเครือจักรภพ

*ข้อมูลปี 2016

_____________________________________________________________________________

ค่าใช้จ่าย

  • ค่าเล่าเรียนโดยเฉลี่ยต่อปี

– ปริญญาตรี = AUD 31,205          ปริญญาโท = AUD 33,890

 

  • ค่าใช้จ่ายรวมโดยเฉลี่ยตลอดหลักสูตร* (รวมค่าใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน**)

– หลักสูตรปริญญาตรี คำนวณที่ 3 ปี = AUD 150,615

– หลักสูตรปริญญาโท คำนวณที่ 1.5 ปี = AUD 79,335

* ค่าใช้จ่ายรวมจะขึ้นอยู่กับระยะเวลาหลักสูตร ไม่รวมค่าตั๋วเครื่องบิน ค่าใช้จ่ายขอวีซ่า และค่าเรียนภาษา

** ประมาณค่าใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน (ตัวเลขกลางๆ) ไว้ที่ AUD 19,000 ต่อปี

_____________________________________________________________________________

คะแนนภาษาอังกฤษที่มหาวิทยาลัยกำหนด

  • IELTS

– ปริญญาตรี = 6 (ยกเว้นบางสาขาที่ต้องการคะแนนมากกว่า เช่น นิเทศศาสตร์ สื่อสารมวลชน ต้องการ 7, กฎหมายต้องการ 7, แพทยศาสตร์ พยาบาลศาสตร์ต้องการ 7-7.5)

– ปริญญาโท = 6.5 (ยกเว้นบางสาขาที่ต้องการคะแนนมากกว่า เช่น นิเทศศาสตร์ สื่อสารมวลชน ต้องการ 7, กฎหมายต้องการ 7, แพทยศาสตร์ พยาบาลศาสตร์ต้องการ 7-7.5)

  • ทางเลือกกรณีคะแนนไม่ถึง
    • สอบตามเกณฑ์ใน English for Academic Purposes Courses (EAP)  ของมหาวิทยาลัยแบบเข้าตรง มีการกำหนดเวลาเรียน 10 สัปดาห์
    • สำหรับหลักสูตรปริญญาตรี มีให้สอบตามเกณฑ์ของ Newcastle International College (NIC) ของมหาวิทยาลัย เพื่อเข้าเรียน Foundation Program และ Diploma ก่อนไปเริ่มเรียนในมหาวิทยาลัย

_____________________________________________________________________________

ลิงค์ที่สำคัญของมหาวิทยาลัย

  • สถาบันภาษาของมหาวิทยาลัย และค่าเรียนภาษา

https://www.newcastle.edu.au/international/study-with-us/english-language-and-ielts

https://www.newcastle.edu.au/international/study-with-us/english-language-and-ielts/elicos/advanced-eap

 ระยะเวลาเรียนแยกตามสาขาวิชา

https://www.newcastle.edu.au/degrees

  • ค่าเรียนหลักสูตรปริญญาตรีแยกตามสาขาวิชา

https://www.newcastle.edu.au/current-students/support/fees-and-scholarships/international-students

  • ค่าเรียนหลักสูตรปริญญาโทแยกตามสาขาวิชา

https://www.newcastle.edu.au/current-students/support/fees-and-scholarships/international-students

_____________________________________________________________________________

Methodology (ระเบียบวิธีคำนวณคะแนนรวมเฉลี่ย)

ใช้วิธีทางสถิติเพื่อเรตติ้งและเปรียบเทียบคะแนนใน 7 indicators หลัก ได้แก่ World Ranking, National Ranking, Student Demand, Research, University Prestige, Location และ Program Fee จากทั้งหมด 38 มหาวิทยาลัยในออสเตรเลียที่นำมาวิเคราะห์

  1. World Ranking (ชื่อเสียงระดับโลก) – เราวิเคราะห์จากข้อมูลเผยแพร่ประจำปีล่าสุดจากสองสถาบันจัดอันดับมหาวิทยาลัยของโลก ได้แก่ Times Higher Education และ QS World University Rankings
  2. National Ranking (ชื่อเสียงภายในประเทศ) – เราวิเคราะห์โดยวิธี Quantitative Interviews จาก domestic students ในประเทศออสเตรเลียจากมหาวิทยาลัยแต่ละแห่ง ใช้กลุ่มตัวอย่างจำนวน 1,000 คน จากนั้นนำผลที่ได้ไปทำ Perceptual Mapping เพื่อจัดช่วงอันดับ
  3. Student demand (ความต้องการเข้าเรียน) – เราวิเคราะห์จาก ATAR Score ในปีล่าสุด เพื่อดูเกณฑ์การรับคะแนนแอดมิดชั่นระดับปริญญาตรี
  4. Research (ด้านการวิจัย) – เราวิเคราะห์จากจำนวนเงินการทำวิจัยที่รัฐบาลออสเตรเลียจัดสรรให้กับแต่ละมหาวิทยาลัยในปีล่าสุด และสัดส่วนของนักศึกษาวิจัยทั้งระดับปริญญาโท ปริญญาเอก ของแต่ละมหาวิทยาลัยในปีล่าสุด
  5. University Prestige – เราวิเคราะห์โดยใช้ความเก่าแก่ของมหาวิทยาลัย นับตั้งแต่ได้รับสถานะเป็นมหาวิทยาลัยอย่างสมบูรณ์
  6. Location – เราวิเคราะห์จากความใกล้ไกลของ main campus / headquarters campus หรือ วิทยาเขตหลัก ห่างจากบริเวณที่เป็นใจกลางเมืองที่ตั้ง
  7. Program Fee – เราวิเคราะห์โดยคำนวณ average annual course fee หรือ ค่าเรียนเฉลี่ยต่อปี จากสาขาที่เปิดสอนในระดับปริญญาตรี และปริญญาโทของแต่ละมหาวิทยาลัย

_____________________________________________________________________________

ช่วยกด LIKE  กด share ให้ด้วยนะคะ                                

หากท่านเห็นว่า รีวิวมหาวิทยาลัยนี้ดีไหม ของ Uni-review.com น่าจะเป็นประโยชน์กับเพื่อนคนอื่นๆ ที่กำลังหาข้อมูลศึกษาต่อต่างประเทศแล้ว  รบกวนช่วยกด LIKE  กด share ให้ด้วยนะคะ ทางเราจะได้มีกำลังใจในการทำรีวิวมหาวิทยาลัยต่อไป

Facebook: Uni-Review.com มหาวิทยาลัยนี้ดีไหม

Website: www.uni-review.com


  •  
  •  
  •  
  •  
  •  
  •  

Be the first to comment

Leave a Reply

Your email address will not be published.


*